อาชีพในฝัน
อาชีพที่ผมอยากทำเมื่อจบการศึกษาคือ นักธุรกิจ หรือเจ้าของกิจการ ผมอยากสร้างแบรนด์ สร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเองที่ทำให้ลูกค้าของผมมีความสุข หรือทำให้โลกนี้ดูน่าอยู่ขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ต่อไปนี่คือข้อมูลคร่าวๆของอาชีพที่ผมอยากจะทำ
อ้างอิง : http://vectorcharacters.net/business-vector-characters/smiling-businessman-vector-character |
อ้างอิง : http://www.gsa-marketing.co.uk/5-key-telemarketing-tips-for-small-businesses-olympics-special/ |
เหตุผลที่ผมชอบอาชีพนักธุรกิจที่สำคัญคือ
- เป็นอาชีพที่มีความท้าทาย ได้ทดลองสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา
- ได้เป็นเจ้านายตัวเอง เป็นอิสระในตารางเวลาที่มีความยืดหยุ่นสูง
- สามารถสร้างผลกระทบต่อคนหมู่มากด้วยผลงานของตัวเอง
- ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่
- มีโอกาสสร้างกำไรได้อย่างมหาศาล
บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมในอาชีพนี้มากที่สุดคือ สตีฟจอบส์
ภาพจาก http://nypost.com/2013/10/15/steve-jobs-ex-reveals-their-explosive-relationship/ |
การที่เขานำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้งานง่ายออกสู่ตลาดให้คนส่วนใหญ่ได้ใช้นั้น ทำให้งานอดิเรกของหนุ่มบ้าคอมพิวเตอร์คนหนึ่งกลายมาเป็นเสาหลักสำคัญในชีวิตประจำวันของคนสมัยใหม่เลยทีเดียว
เครื่องคอมพิวเตอร์แอปเปิล II (Apple II) ที่ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นกับผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิล สตีฟ วอซนิแอ็ค (Steve Wozniak) ในโรงรถ และได้วางขายเมื่อปี ค.ศ. 1977 ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IMB ต้องกระวนกระวายรีบพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของตัวเองเพื่อวางขายบ้าง
แต่เมื่อถึงปี ค.ศ. 1985 ยอดขายที่ตกลงและบริษัทคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคู่แข่งอย่างวินโดว์ส บีบให้จอบส์ต้องลาออกจากบริษัทที่เขาเองร่วมก่อตั้งขึ้นมา
ในช่วงเวลาสิบปีต่อมา จอบส์ได้เป็นผู้บริหารของบริษัทสองบริษัท คือ เนกซ์ (Next) บริษัทคอมพิวเตอร์ที่สร้างสรรค์พื้นฐานของซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการของบริษัทแอปเปิลในปัจจุบัน อย่าง Mac OS 10 และ บริษัท พิกซาร์ (Pixar) สตูดิโอสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่โด่งดังมาจากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง ทอย สตอรี (Toy Story)
เมื่อปี ค.ศ. 1997 ที่จอบส์ได้กลับมาอยู่กับแอปเปิล เขายังคงทำหน้าที่อยู่ในสองบริษัท คือเป็นทั้ง CEO ของพิกซาร์ และของแอปเปิล แต่สุดท้าย จอบส์ได้ขายพิกซาร์ให้กับดีสนีย์ โดยแลกกับหุ้นของดีสนีย์ในจำนวนที่มากขนาดที่ทำให้เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในบริษัทดีสนีย์
สตีฟ จอบส์มักปรากฏตัวบนเวที ในชุดที่เป็นเหมือนยูนิฟอร์มของเขา คือกางเกงยีนส์กับเสื้อคอเต่าสีดำ แล้วทำให้ผู้ชมตกอยู่ในภวังค์เมื่อฟังการอธิบายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แม็ค iPhone และ iPad รุ่นใหม่ๆ นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้แอปเปิลเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยได้แซงหน้าคู่แข่งตลอดกาลอย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010
จอบส์ไม่ได้เฝ้าฝันและจิตนาการสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ขึ้นมา แต่ความเป็นอัจฉริยะของเขาอยู่ตรงที่สามารถสังเกตเห็นเทคโนโลยีน่าสนใจใหม่ๆและนำมาประยุกต์ให้ผู้บริโภคทั่วไปใช้ได้ ในซีรีย์สารคดีเรื่อง “Triumph of the Nerds” ของสถานีโทรทัศน์ PBS ที่ออกอากาศเมื่อปี ค.ศ. 1996 จอบส์เคยพูดเอาไว้เองว่าบริษัทแอปเปิลเคยไม่อายที่จะต้องขโมยความคิดที่ยอดเยี่ยมของผู้อื่น
ภายใต้การบริหารงานของจอบส์ บริษัทแอปเปิลมักจะปิดการทำงานของบริษัทเป็นความลับมากเสียจนทำให้นักลงทุนและสื่อมวลชนหงุดหงิดกันอยู่บ่อยๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถทำให้แอปเปิลลอยตัวขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าการตลาดมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในทุกรูปแบบ
จอบส์ลาออกจากการเป็น CEO ของแอปเปิลเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 หลังจากต้องพักงานไปหลายครั้งเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งรวมถึงการปลูกถ่ายตับ และการเข้ารับการรักษามะเร็งในตับอ่อน (pancreas cancer)
สตีเฟน พอล จอบส์ (Steven Paul Jobs) ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปในความทรงจำของคนในครอบครับ ซึ่งได้แก่ พี่สาวแท้ๆของเขา โมนา ซิมสัน ลูกสาว ลิซา เบรนเนน จอบส์ และภรรยาของเขา ลอรีน พาวเวล และลูกๆทั้งสามของพวกเขา
อ้างอิง
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3
http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtube_id=377